ไลโคปีน เป็นสารประกอบในกลุ่มแคโรทีนอยด์ มีสีส้มแดง พบได้ทั่วไปในมะเขือเทศสุก ฝรั่ง แตงโม ส้ม มะละกอ แครอท ส้มโอสีชมพู ฟักข้าว และในผักผลไม้สีแดงต่างๆ ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสังเคราะห์ไลโคปีนเองได้ ดังนั้นเราจึงต้องรับประทานไลโคปีนเข้าไปจากผักผลไม้ หรืออาหารเสริมไลโคปีนจะดูดซึมได้ดีขึ้น หากอาหารผ่านการให้ความร้อน และเนื่องจากไลโคปีนละลายได้ในน้ำมัน จะดูดซึมได้ดีขึ้นถ้ารับประทานร่วมกับอาหารประเภทน้ำมัน
ไลโคปีนกับผิวหนัง ไลโคปีนและแคโรทีนอยด์ชนิดอื่นๆจากมะเขือเทศ มีฤทธิ์เป็นสารป้องกันผิวจากการถูกทำลายโดนแสงแดด ป้องกันอาการผื่นแพ้ผิวหนัง และ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าทั้งวิตามินซี วิตามินอี และ เบต้าแคโรทีน
ไลโคปีนกับสิวอักเสบ และ ผมร่วงเนื่องจากฮอร์โมนเพศชายเฉพาะที่สูง ไลโคปีนให้ผลยับยั้งเอนไซม์ชื่อ 5 –alpha reductase ซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนเป็น ไดไฮโดรเทสโทสเทอโรน (DHT) ซึ่งทำให้ผมร่วงเป็นสิว และ หน้ามัน ทำให้การรับประทานไลโคปีนช่วยลดสิวอักเสบ และ ผมร่วงที่เกิดจากฮอร์โมนเพศชายเฉพาะที่สูงได้
ไลโคปีนกับโรคหัวใจและหลอดเลือด ไลโคปีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด และ ปรับสมดุลโคเลสเตอรอลได้ โดยการลดปริมาณ LDL โคเลสเตอรอลลง และ ยังลด C-Reactive Protein ซึ่งเป็นค่าที่บ่งถึงการอักเสบของหลอดเลือดได้ด้วย
ไลโคปีนกับต่อมลูกหมากอักเสบ และ การป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก ไลโคปีนมีงานวิจัยถึงการนำมาร่วมบำบัดมะเร็งต่อมลูกหมาก และ ต่อมลูกหมากอักเสบ ในขนาดรับประทานเริ่มตั้งแต่ 10 มก./วัน การรับประทานไลโคปีนอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ค่า PSA ลดลง ในอาสาสมัครที่มีค่า PSA สูงกว่าปกติ ซึ่งค่า PSA เป็นค่าที่ใช้ตรวจกรณีต่อมลูกหมากโต หรือ มีโอกาสเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
ไลโคปีนกับการป้องกันมะเร็งชนิดอื่นๆ นอกเหนือจากมะเร็งต่อมลูกหมากแล้ว ไลโคปีนยังมีงานวิจัยในผลของไลโคปีนในการยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งชนิดอื่น เช่น มะเร็งปอด และ มะเร็งเต้านม ซึ่งเป็นงานวิจัยในจานเพาะเซลล์ ซึ่งผลการยับยั้งมะเร็งเต้านมของไลโคปีน มีประสิทธิภาพสูงกว่าทั้งเบต้า แคโรทีน และ อัลฟาแคโรทีนมากนัก นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยการยับยั้งเนื้องอกที่เต้านมในหนูทดลอง ยับยั้งเซลล์มะเร็งปอดในหนูทดลอง และ ยับยั้งมะเร็งทางเดินอาหารในหนูทดลอง รวมทั้งมะเร็งตับอ่อน
น้ำมันปลาชนิด EPA สูง ในน้ำมันปลามีกรดไขมันโอเมก้า-3 มี 2 ชนิด คือ EPA ซึ่งมีความสำคัญในการระงับอาการอักเสบ และ ให้ผลดีต่อหัวใจ และ หลอดเลือด และ DHA ซึ่งให้ผลดีต่อสมอง แม้ว่ากรดไขมันทั้ง EPA และ DHA จะพบร่วมกัน และ ทำงานคล้ายคลึงกันในธรรมชาติ นักวิทยาศาสตร์พบว่า กรดไขมันแต่ละชนิด ก็ยังมีคุณสมบัติเฉพาะของตัวเอง โดยที่ EPA ให้ผลระงับขบวนการอักเสบ ทั้งแบบเรื้อรัง และ เฉียบพลัน มีผลให้ลดความเจ็บปวดที่เกิดจากอาการอักเสบ อย่างเช่น ข้ออักเสบ ทั้งในผู้ป่วยข้อเสื่อม และ ผู้ป่วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง อย่างเช่น เอสแอลอี (SLE) หรือ ข้ออักเสบรูมาตอยด์ และ ลดการอักเสบต่างๆทั่วร่างกาย รวมทั้งสิวอักเสบ และ การอักเสบของต่อมลูกหมาก
References
เอกสารเพื่อการอบรมภายในบริษัทเท่านั้น