ต้นแปะก๊วย เป็นสมุนไพรที่มีมาในโลก ตั้งแต่ 225 – 280ล้านปีที่ผ่านมา แปะก๊วยเป็นสัญลักษณ์แห่งการมีอายุยืนยาวของชาวจีน นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบคุณสมบัติของสารสำคัญ ซึ่งสกัดได้จากใบแปะก๊วย ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านต่างๆ ของมนุษย์อย่างยิ่งยวด ตั้งแต่ป้องกัน และร่วมบำบัดโรคความจำเสื่อม อัลไซม์เมอร์ หอบหืด การไหลเวียนเลือดไม่สะดวก โรคเกี่ยวกับสุขภาพตา ปวดศีรษะ ริดสีดวงทวาร สมรรถภาพทางเพศเสื่อม
ภาวะเสียงดังในหู และการได้ยินเสื่อม รวมทั้งการป้องกันร่างกายจากการต่อต้านอวัยวะที่ได้รับบริจาค
สารออกฤทธิ์ และฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของสารสกัดจากใบแปะก๊วย
สารออกฤทธิ์ในสารสกัดจากใบแปะก๊วย เป็นสารในกลุ่มไดเทอร์ปีน (Diterpemes) ซึ่งประกอบด้วย Ginkgoline A, Ginkgoline B, Ginkgoline C และ Ginkgoline J และยังมีสารอื่นๆ อีกมากมาย
งานวิจัยทางการแพทย์ของสารสกัดจากใบแปะก๊วยที่ได้รับการวิจัย และยืนยันผลจากทั่วโลก ทั้งในคน และสัตว์ทดลอง มีดังนี้
1. การรับประทานสารสกัดจากใบแปะก๊วยอย่างสม่ำเสมอ ทำให้สมองทนต่อภาวะการขาดอออกซิเจนชั่วคราวได้ดี เช่น ในภาวะใดๆ ที่ทำให้สมองขาดเลือด ไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือดตีบ ตัน หรือแตก หรือเกิดอุบัติเหตุ ผู้ที่รับประทานสารสกัดจากใบแปะก๊วย จะไม่พบความเสียหายของสมองหลังภาวะขาดเลือดมากนัก เทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับประทาน
2. ป้องกันการเกิดเนื้อเยื่อสมองบวมหลังสมองได้รับการบาดเจ็บ หรือได้รับสารพิษ และลดการบวมของสมองได้ดี
3. ลดการบวมของเลนส์ตา และการรั่วของเซลล์เลนส์ตา
4. ป้องกันการลดลงของ Muscarinic Choline Receptors เมื่อเรามีอายุมากขึ้น ซึ่งเป็นรีเซพเตอร์ในสมองที่เมื่อจับกับสารสื่อประสาทชนิดโคลีน ทำหน้าที่ควบคุมความเฉลียวฉลาด กระบวนการเรียนรู้ ความจำ และความตื่นตัว การรับรู้ และป้องกันการลดลงของ Alpha-Adrenoceptors ซึ่งมีในอวัยวะสำคัญหลายชนิด รวมทั้งไต ป้องกันการหดตัวของหลอดเลือดทั่วร่างกาย ทำให้เลือดไหลเวียนไป เลี้ยงอวัยวะต่างๆ ได้ดี
5.กระตุ้นการทำงานของสารสื่อประสาทโคลีน (Choline) ในสมองส่วนฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างความทรงจำระยะยาว และการกำหนดทิศทางในที่ว่าง
6. เพิ่มความสามารถในการจดจำ และความสามารถในการเรียนรู้
7.ทำให้ความสามารถในการทรงตัวดีขึ้น ลดอาการวิงเวียนเนื่องจากการอยู่ในยานพาหนะที่เคลื่อนไหว ลดอาการเวียนศีรษะแบบบ้านหมุน
8. กระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนปลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไหลเวียนเลือดในหลอดเลือดฝอยเล็กๆ
9. ลดภาวะเลือดหนืด
10. ลดการเกาะตัวของเกร็ดเลือด ป้องกันลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือด
11. ป้องกันระบบประสาทเสื่อม
ที่ใช้ในทางการแพทย์
1. บำบัดอาการต่างๆ ที่เกิดกับสมอง ได้แก่ ภาวะความจำเสื่อม ทั้งจากอายุ หรือการไหลเวียนเลือดไม่สะดวก ภาวะความจำเสื่อมแบบอัลไซม์เมอร์ การไม่มีสมาธิ ภาวะซึมเศร้าหดหู่ อาการปวดศีรษะ และเวียนศีรษะ
2. บำบัดอาการเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงขาไม่สะดวกเป็นพักๆ ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อย เมื่อเดินเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินออกกำลังกาย
3. บำบัดอาการวิงเวียนศีรษะแบบบ้านหมุน ภาวะเสียงดังในหู และการได้ยินเสื่อม ซึ่งเกิดจากอายุที่มากขึ้น และการเปลี่ยนวัย
4. ภาวการณ์ไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนปลายไม่สะดวก เช่น ตามปลายมือ ปลายเท้า รวมทั้งภาวะหลอดเลือดอักเสบ เจ็บ บวมตามขา และน่อง
ขนาดรับประทาน : 120 มก. – 240 มก./วัน ขึ้นกับอาการ สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ให้ใช้ขนาด 60 มก./วัน การแบ่งขนาด
รับประทานจะให้ผลดี เช่น เป็นการรับประทาน เช้า-เย็น หรือเช้า-กลางวัน-เย็น
References
เอกสารเพื่อการอบรมภายในบริษัทเท่านั้น